วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

คณิตศาสตร์ กับการพัฒนาโลกมนุษย์

คณิตศาสตร์กับการพัฒนาโลกมนุษย์
จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ทำให้พบว่ามีหลากหลายทฤษฎีว่าด้วยการกำเนิดจักรวาล โลก และการเกิดของระบบสุริยะในกลุ่มดาวขนาดใหญ่ที่เรียกว่า แกแลกซี ระบบสุริยะที่เราอาศัยนี้อยู่ในกลุ่มของแกแลกซี่ของเรา (our galaxy) ซึ่งก็คือทางช้างเผือกที่เราเห็นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
กล่าวกันว่ามีการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง (big bang) ทำให้กลุ่มก๊าซพวยพุ่งออกไปเป็นบริเวณกว้าง และค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โลกที่เราอาศัยอยู่นี้มีจุดกำเนิดเมื่อประมาณ 4,600 ล้านปี หลังจากนั้นอีกหลายร้อยล้านปี กลุ่มไอน้ำที่อยู่บนโลกค่อย ๆ จับตัวและเกิดฝนตกครั้งใหญ่ ทำให้มีแหล่งน้ำและมหาสมุทร พัฒนาการของสิ่งมีชีวิตค่อย ๆ ก่อร่างขึ้น จากสิ่งมีชีวิตที่เป็นแบบเซลเดียว พัฒนาการมาเป็นพืช และสัตว์ในเวลาต่อมา
จนระยะเวลาประมาณห้าร้อยล้านปีที่แล้ว มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืช แพร่หลายและปกคลุมทั่วโลก ขณะเดียวกันพัฒนาการของสัตว์ก็ค่อย ๆ เกิดขึ้น จากสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ เป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทไดโนเสาร์ นก
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีพัฒนาการหลังสุด เมื่อประมาณห้าสิบล้านปีที่แล้วมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลากหลายชนิด แม้กระทั่งลิงโบราณก็มีอายุการกำเนิดในช่วงนี้
จากหลักวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน พบว่า วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตพัฒนาตามสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่รอด กล่าวกันว่าต้นกำเนิดของมนุษย์น่าจะอยู่ในช่วงระยะเวลาประมาณห้าล้านปีที่แล้ว จากการขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์ประวัติศาสตร์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่ชวา ซึ่งคาดคะเนว่ามีอายุประมาณ 1-2 ล้านปีที่แล้ว นักโบราณคดียังขุดค้นพบมนุษย์ปักกิ่งที่ในถ้ำ ไม่ไกลจากกรุงปักกิ่งของจีนในปัจจุบัน และให้ชื่อว่ามนุษย์ปักกิ่ง จากการสันนิษฐานอายุของโครงกระดูกน่าจะอยู่ในช่วงราว 7 แสนปีที่แล้ว
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์ในสมัยนั้นอาศัยอยู่ในถ้ำ วิวัฒนาการความรู้ความสามารถในวิชาการยังไม่มีอะไรมากนัก และด้วยโครงร่างของมนุษย์ที่ไม่มีอาวุธประจำกายที่ดี ความอยู่รอดจึงต้องใช้สมอง ใช้ความรู้ ความสามารถสั่งสมกันมา มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์สืบต่อกันมาได้ การดำรงชีวิตจึงต้องอาศัยศิลปวิทยาการสั่งสมมา เริ่มจากการรู้จักกับการใช้หิน หรือวัสดุธรรมชาติมาทำเครื่องใช้ ทำเป็นอาวุธ สามารถใช้ไฟ จนกระทั่งถึงยุคโลหะ และการสร้างบ้านเรือน
ในช่วงห้าแสนปีที่แล้ว วิทยาการต่าง ๆ ยังไม่มีอะไรมาก การดำรงชีวิตภายในถ้ำก็ไม่แตกต่างอะไรกับสัตว์ป่าทั่วไป ใช้ระบบสื่อสารด้วยท่าทาง จนกระทั่งเมื่อประมาณห้าหมื่นปีที่แล้วที่มนุษย์สามารถพัฒนาความรู้จนมีภาษาพูด สามารถสื่อสารถึงกันได้ด้วยคำพูด
จากหลักฐานอารยธรรมโบราณต่าง ๆ พบว่า มนุษย์เริ่มสั่งสมวิชาการเป็นตัวอักษรแทนคำพูดได้ เมื่อไม่กี่พันปีมานี้เอง ตัวอักษรที่จารึกในหลุมฝังศพฟาโรห์ กษัตริย์อียิปต์โบราณมีอายุในช่วงประมาณห้าพันปี หรือแม้แต่ตัวอักษรรูปภาพของจีนที่ใช้แทนคำพูดก็มีอายุประมาณห้าพันปีเช่นเดียวกัน
เมื่อมนุษย์รู้จักกับการใช้ตัวอักษรแทนคำพูด ก็ทำให้การเก็บข้อมูลวิชาการต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ มีการจารึกลงบนหิน บนหลักศิลาต่าง ๆ มีการบันทึกลงที่ฝาผนัง จนในที่สุดชาวอียิปต์โบราณรู้จักการนำต้นกก (papyrus) มาทำเป็นกระดาษ และชาวจีนก็สามารถสร้างกระดาษจากไม้ไผ่ จากฝ้ายเป็นแผ่นผ้า การจารึกวิชาการต่าง ๆ จึงเริ่มมากขึ้น
การบันทึกวิชาการกระทำกันอย่างจริงจัง และมีการเผยแพร่อย่างมากขึ้น มีมาไม่กี่ร้อยปีนี้ หลังจากที่ชาวเยอรมันรู้จักกับการผลิตแท่นพิมพ์พิมพ์หนังสือ การผลิตหนังสือจึงเปลี่ยนจากการเขียนด้วยมือลงบนสมุดข่อย หรือลงบนศิลาหรือผ้า มาเป็นระบบการพิมพ์ที่มีคุณภาพดีกว่าและสามารถพิมพ์ได้เป็นจำนวนมาก
การสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อเผยแพร่ข่าวสารหรือติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เป็นการพัฒนาในยุคต่อมา วิทยาการเริ่มจากมาร์โคนี่สามารถส่งรหัสมอร์สข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จ จนต่อมามีระบบวิทยุโทรเลข มีโทรศัพท์ และมีการกระจายข่าวสารทางวิทยุโทรทัศน์ ยุคอิเล็กทรอนิกส์เป็นยุคของการกระจายความรอบรู้อย่างมากได้เริ่มขึ้น เมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้วนี้เอง โดยมีการผลิตคอมพิวเตอร์ ผลิตอุปกรณ์สื่อสารข้อมูลต่าง ๆ มากมาย จนในที่สุดกลายเป็นระบบสื่อสารที่สามารถสื่อสารกันได้ทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2534 อินเทอร์เน็ตเริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีการพัฒนาเครือข่ายความรู้ที่เรียกว่า เวิร์ลไวด์เว็บ (WWW) และขยายต่อการประยุกต์ใช้งานอย่างกว้างขวางจนมีบทบาทที่สำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบนโลกนี้
วิทยาการในยุคห้าปีหลังนี้จึงเป็นวิทยาการที่มีเครือข่ายของความรู้ต่าง ๆ มีการเชื่อมโยงสร้างโลกจินตนาการที่เรียกว่า ไซเบอร์สเปซ สร้างจินตนาการในลักษณะเสมือน (Virtual) มากมาย วิทยาการความรู้ในปัจจุบันจึงเป็นวิทยาการที่มีความหลากหลาย และมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ในยุคใหม่อย่างมาก
ธรรมชาติสร้างสรรสิ่งต่าง ๆ ได้ลงตัวอย่างพอเหมาะ ความสมดุลย์ทางธรรมชาติก่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งที่ไม่มีชีวิต
หากเริ่มต้นจากชีวิตร่างกายของมนุษย์ ร่างกายของเราประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกัน มี ปอด หัวใจ ตับ ไต ลำไส้ เส้นเลือด ผิวหนัง กลไกการทำงานของร่างกายเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อพิจารณาจากการศึกษาให้ลึกซึ้งพบว่า ทุกอวัยวะของร่างกายประกอบด้วยเนื้อเยื้อ เนื้อเยื่อเหล่านี้เป็นส่วนประกอบรวมกันเป็นชิ้นอวัยวะ หากพิจารณาพินิจพิเคราะห์เนื้อเยื่อจะปรากฏหน่วยเล็ก ๆ ที่เรียกว่า เซล เซลจึงเป็นส่วนประกอบของมนุษย์ที่เล็ก ๆ สิ่งมีชีวิตอื่นก็เช่นเดียวกันคือประกอบด้วยเซลและผลิตภัณฑ์ประกอบอยู่ในเซล
ภายในเซลประกอบด้วยโมเลกุลของสสาร โมเลกุลเหล่านี้จับตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อน และมีอะตอมของสารเป็นส่วนประกอบ ภายในอะตอมมีนิวเคลียส และรอบ ๆ นิวเคลียสมีอิเล็กตรอนวิ่งโคจรรอบ ๆ ส่วนของนิวเคลียสประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอน; การศึกษาของเรากำลังศึกษาในรายละเอียดระดับโมเลกุลมากขึ้น เพื่อให้รู้ถึงความสลับซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ที่มีอยู่ การศึกษาของมนุษย์จึงเรียนรู้ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ เพื่อเปิดเผยความเร้นลับ
ขณะเดียวกัน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนก็ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม อาศัยแสงแดด อากาศ น้ำ สิ่งที่ อยู่รอบ ๆตัว ที่เรียกว่า สิ่งแวดล้อม การศึกษาทางคณิตศาสตร์จึงเป็นรากฐานของชีวิตตั้งแต่ระดับอะตอมลงมา ถึงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติต่าง ๆ มากมาย หากเริ่มจากชีวิตของมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน ความเกี่ยวข้องจึงเข้ามาสัมพันธ์กับดิน ฟ้า เวลา และดวงดาวต่างๆ สรรพสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกันเป็นธรรมชาติ

สิ่งมีชีวิตและสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานี้อาศัยอยู่ในไบโอสเฟียส์ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลก โลกเป็นสมาชิกหนึ่งในระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์อีกหลายดวงซึ่งโคจรรอบดวงอาทิตย์ การโคจรมีกฏเกณฑ์ และใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ที่อธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ และ อิทธิพลของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และดวงดาวอื่นๆ
การศึกษายังบอกได้ว่าดวงอาทิตย์เปรียบเทียบเป็นฝุ่นเล็ก ๆ อยู่ในกลุ่มดาวขนาดมากมาย ที่เรียกว่า ทางช้างเผือก (milky way) ซึ่งกลุ่มดาวในระบบทางช้างเผือกนี้เรียกว่า กาแล็กซี่ และมีชื่อกาแลกซี่ที่ดวงอาทิตย์อยู่ด้วยว่า "กาแลกซี่ของเรา - our galaxy" กาแลกซี่ทางช้างเผือกก็เป็นหนึ่งในบรรดาที่มีกาแลกซี่อีกมากมาย และรวมเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ที่เรียกว่า galactic cluster
การศึกษาของเราจึงต้องหาวิธีการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ ตั้งแต่เป็นสิ่งที่เล็กที่สุดในระดับอิเล็กตรอน หรือสิ่งที่ใหญ่ในระดับกาแลกซี่ การศึกษาของเราอาศัยกลไกการเรียนรู้ที่สมอง ซึ่งยากที่จะอธิบายได้ว่าโครงสร้างความรู้ที่เราศึกษาเป็นอย่างไร แต่การศึกษาเราใช้หลักการเชื่อมโยง เหมือนที่เราใช้ในเครือข่ายเวิล์ดไวด์ เวบนี้ การศึกษาทางคณิตศาสตร์เพื่อใช้อธิบายปรากฏการณ์ และความจริงทางธรรมชาติจึงมีมากมาย คณิตศาสตร์จึงเป็นหน่วยเสริมที่ใช้อธิบายชีวิตต่าง ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยสาขาต่าง ๆ มากมาย เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ดาราศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ หรือแม้แต่กลไกการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบตัวเลขฐานสองก็ใช้หลัก การคิดคำนวณและตรรกศาสตร์พื้นฐาน
วิชาคณิตศาสตร์จึงเป็นวิชาความรู้ที่ใช้อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อความรอบรู้ด้านต่าง ๆ รวมถึงวิทยาการทางด้านสังคมด้านปราชญ์

ASIMO


อาซิโม หุ่นยนต์สุดล้ำแห่งโลกเทคโนโลยี
โลกแห่งเทคโนโลยีใบนี้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะมนุษย์เราไม่เคยหยุดคิดค้น และทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบคำถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้ ถึงทุกวันนี้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการค้นคว้าและพัฒนาขึ้นมาทั้งนั้น ความชาญฉลาดของมนุษย์เช่นนี้ทำให้เกิดความคิดที่จะสร้างหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2529 โดยได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุด ความฝันก็กลายเป็นความจริง อาซิโม ASIMO หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2543
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ASIMO กลับมาตอกย้ำความสำเร็จและสร้างความตาตื่นใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กๆ วัยซนที่ออกจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้เห็นอาซิโม ในงานถนนเทคโนโลยี เมื่อเร็วๆ นี้
อาซิโมมีความสามารถหลายอย่าง เริ่มจากการเดิน อาซิโมเดินได้ด้วยเทคโนโลยี i-WALK ที่คอยควบคุมการทรงตัวให้สามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง แม้ในขณะเปลี่ยนทิศทาง โดยไม่ต้องหยุดชะงัก ทุกส่วนในร่างกายของอาซิโมจะเคลื่อนไหวสัมพันธ์กันในขณะเคลื่อนที่ อาซิโมจึงไม่เสียหลักหรือหกล้ม อาซิโมก้าวเดินขึ้นและลงบันไดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ในลักษณะของเท้าขวาก้าวนำและเท้าซ้ายก้าวตามเป็นจังหวะ ข้อต่อบริเวณหัวเข่าทั้ง 2 ข้างจะย่อลงทำให้อาซิโมสามารถรักษาสมดุลของร่างกาย ในขณะเดินขึ้นลงบันไดได้
นอกจากจะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว อาซิโมยังมีความสามารถในการหลบหลีกเมื่อมีคนเข้าใกล้ โดยกำหนดตำแหน่งผู้ที่เข้าใกล้ผ่านกล้องรับภาพที่ตา ทำให้สามารถคำนวณทิศทาง ความเร็ว ระยะทาง คาดการณ์ความเคลื่อนไหว ของผู้ที่กำลังเข้าใกล้ และเลือกเส้นทางเดินที่เหมาะสม อีกทั้งยังเดินถอยหลังเพื่อเปิดทางให้ผู้อื่นได้ด้วย
ตามร่างกายของอาซิโมมีข้อต่ออยู่ถึง 34 ตัว จึงทำให้อาซิโมเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถโน้มตัว หมุนตัว หมุนเท้า กางแขน รวมไปถึงการเต้นเข้าจังหวะเพลง หรือเคลื่อนตัวไปทางด้านข้างในลักษณะการเต้นแบบฮาวายได้ และยังสามารถยกมือขึ้นไหว้และโบกมือทักทายได้เช่นเดียวกับมนุษย์
เมื่อต้องการวิ่ง เท้าด้านขวาของอาซิโมจะก้าวไปด้านหน้าและตามด้วยเท้าซ้ายในลักษณะที่สมดุลต่อร่างกาย ทำให้สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระหว่างที่วิ่งนั้นจะมีจังหวะหนึ่งที่เท้า 2 ข้างจะลอยเหนือพื้นเป็นเวลา 0.08 วินาที และเมื่อเท้าสัมผัสพื้น อาซิโมก็ยังสามารถทรงตัวได้ดี เพราะวิศวกรได้ออกแบบให้อาซิโมมีการกระโดดที่แม่นยำสามารถรับการกระแทกขณะถึงพื้นได้ดี ป้องกันการลื่นไถล และทรงตัวขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
นอกจากเดิน วิ่ง เต้นได้เช่นเดียวกับมนุษย์แล้ว อาซิโมยังถูกออกแบบให้ทำงานในชีวิตประจำวันได้ด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าอาซิโมจะสามารถปิดสวิตช์ไฟ เปิดประตู และเสิร์ฟน้ำได้โดยไม่หกเลย เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ อาซิโมก็ยังหันไปตามเสียงเดินไปหาคนที่เรียกอาซิโม และหยุดเมื่อได้รับคำสั่ง นับเป็นหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดล้ำยุคจริง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะความมุ่งมั่นตั้งใจค้นคว้า และทดลองอย่างต่อเนื่องของทีมวิศวกร ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราบอกกับตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า “ไม่มีสิ่งใดที่เกินความพยายามของมนุษย์” อย่างเราไปได้ เชื่อว่าในวันข้างหน้าอาซิโมจะถูกพัฒนาความสามารถ และทำหลายๆ อย่างให้เราได้ทึ่งกันอีกอย่างแน่นอน

วิธีถนอมธัมบ์ไดรฟ์

วิธีถนอมธัมบ์ไดรฟ์
ใครที่มีธัมบ์ไดรฟ์ตัวใหม่คงอยากจะรู้วิธีที่จะรักษามันไว้นานๆ เราก็เลยนำบทความแนะนำวิธีดูแลธัมบ์ไดรฟ์ที่หาได้จากเว็บไซต์คอมพิวเตอร์ทูเดย์มาให้ได้อ่านกัน
คอมพิวเตอร์ทูเดย์ระบุว่าภัยที่เกิดขึ้นกับธัมบ์ไดร์ฟโดยรวมๆ คือ ธัมบ์ไดรฟ์สูญหาย ธัมบ์ไดรฟ์เสียหายเพราะโดนไวรัส การถูกดูข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อมูลในธัมบ์ไดรฟ์สูญหาย วิธีแก้ไขคือ
1. เก็บไว้ใกล้ตัว-ไม่ต้องกลัวหาย
นับวันธัมบ์ไดรฟ์จะมีขนาดเล็กลง และหายง่ายมาก (ถูกขโมยก็ง่ายด้วย) มีไม่น้อยที่มักจะหลงลืมไว้ตามที่ต่างๆ เวลาหยิบออกมาวาง หรือแม้แต่ติดไปกับเครื่องคอมพ์ชาวบ้านเพราะลืมขอคืน บางคนชอบคล้องไว้กับกุญแจ ซึ่งเป็นของที่ชอบทำหายอันดับต้นๆ
วิธีน่าสนใจที่สุดคือ เลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอไว้ แม้จะดูไม่สวยงามเท่าไร แต่มันลดโอกาสทำหาย และถูกขโมยได้เกือบ 100% อีกนิดนึง ควรเลือกรุ่นที่สายต่ออยู่กับตัวธัมบ์ไดรฟ์ หลีกเลี่ยงการเลือกใช้รุ่นที่สายคล้องคอผูกกับฝาครอบ
2. ระวังไวรัส
ต้องถือเป็นข้อควรระวังในการใช้งานธัมบ์ไดรฟ์อันดับต้นๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วธัมบ์ไดรฟ์จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนกับฟลอปปี้ดิสก์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัสสามารถใช้ธัมบ์ไดรฟ์เป็นสื่อพาหะสำหรับการแพร่กระจายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาใช้งานธัมบ์ไดรฟ์ คุณควรแน่ใจก่อนว่า เป็นการถ่ายโอนเฉพาะไฟล์ข้อมูลเท่านั้น (ไม่ได้ติดไวรัสมาด้วย)
ประเด็นที่สำคัญก็คือ ควรแน่ใจว่าคุณกำลังเชื่อมต่อธัมบ์ไดรฟ์กับคอมพิวเตอร์ที่รันซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ได้รับการอัพเดตสม่ำเสมอ และในกรณีที่คอมพ์ของคุณรันแอนตี้ไวรัส เวลาต่อกับธัมบ์ไดรฟ์ ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสในเครื่องคอมพ์จะสแกนธัมบ์ไดรฟ์ให้ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจธัมบ์ไดรฟ์ที่รับมา ก็ไม่ควรเชื่อมต่อเข้ากับคอมพ์ของคุณเด็ดขาด
3. เข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับ
ถ้าหากธัมบ์ไดรฟ์ของคุณหาย นั่นหมายความข้อมูลของคุณตกไปอยู่ในมือของผู้ที่พบมันด้วย และถ้าหากคนผู้นั้นบังเอิญเป็นคู่แข่งคุณโดยตรง อะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้น หากคุณใช้ธัมบ์ไดรฟ์เก็บข้อมูลสำคัญ การเข้ารหัสข้อมูลดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) จะทำให้ข้อมูลเปิดอ่านไม่รู้เรื่องจนกว่าจะได้รับพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ซึ่งควรเลือกเข้ารหัสที่ระดับ 128 บิต เพื่อความปลอดภัย ธัมบ์ไดรฟ์รุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเข้ารหัสข้อมูลมาด้วย แต่อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะว่า ซอฟต์แวร์ที่ให้มาไม่ใช่รุ่นทดลอง เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะต้องจ่ายตังค์ค่าซอฟต์แวร์ในภายหลัง
4. สำรองข้อมูลให้เป็นนิสัย
ไม่ปฏิเสธครับว่า เวลาธัมบ์ไดรฟ์หาย เราคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน แม้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นจะได้รับการปกป้องด้วยการเข้ารหัสไว้แล้วก็ตาม แหม...ก็มันต้องเสียเงินอีกแล้วน่ะสิ แต่มันคงรู้สึกเจ็บใจเป็นสองเท่า หากข้อมูลที่อยู่ในนั้นเราไม่เคยได้ทำแบ็กอัพสำรองเอาไว้เลย
ดังนั้น วิธีที่สุดคือ แนะนำให้คุณสำรองธัมบ์ไดรฟ์ไว้สักสองสามก๊อปปี้ เพราะนอกจากพวกมันจะหายง่ายแล้ว ยังเสียง่ายอีกด้วย เนื่องจากธัมบ์ไดรฟ์ส่วนใหญ่จะใช้กรอบเป็นพลาสติก ซึ่งแตกหักได้ง่าย
5. ถอดธัมบ์ไดร์ฟออกจากเครื่องอย่างถูกต้อง
ก่อนที่คุณจะดึงธัมบ์ไดรฟ์ออกจากพอร์ตยูเอสบีบนคอมพิวเตอร์ ให้คุณปิดโปรแกรมทุกตัวที่มีการเข้าถึงไฟล์ต่างๆบนธัมบ์ไดรฟ์เสียก่อน จากนั้นคลิกไอคอน Safely Remove Hardware (ที่มีลูกศรสีเขียวปรากฎอยู่ในมุมล่างขวาบนทาสก์บาร์) แล้วคลิกเลือกธัมบ์ไดรฟ์ที่ปรากฏอยู่ในรายการ
เมื่อคลิกเลือกยูเอสบีไดรฟ์ที่ต้องการเอาออกแล้ว จะได้รับข้อความแจ้งขึ้นมาว่า “Safe To Remove Hardware” แปลว่า สามารถดึงธัมบ์ไดรฟ์ออกจากระบบได้อย่างปลอดภัย
หลายเสียงยืนยันว่า หากถอดธัมบ์ไดร์ฟจากเครื่องปุบปับโดยไม่มีการทำตามขั้นตอนนี้ ธัมบ์ไดร์ฟเจ๊งมานักต่อนักแล้วนะ

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์



ไวรัส คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจจะผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูล ไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
เคล็ดลับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์สำหรับทุกท่านที่ใช้คอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำ
1. ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้ และสามารถอัพเดทฐานข้อมูลไวรัส(definition) และเครื่องมือ(engine) ได้ตลอด ซึ่งจะทำให้สามารถดักจับและจัดการกับไวรัสตัวใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว
2. อย่าตั้งค่าให้โปรแกรมอีเมลเปิดไฟล์ที่แนบมาโดยอัตโนมัติ เพราะเราต้องตรวจสอบก่อนดาวน์โหลดหรือเปิดไฟล์ขึ้นมา
3. สแกนไฟล์แนบท้ายของอีเมลทุกฉบับหรือแม้แต่อีเมลจากคนคุ้นเคยด้วย เพราะเจ้าไวรัส หนอน ม้าโทรจันทั้งหลายมักจำแลงตนในรูปอีเมลคนใกล้ชิดของเราเสมอเลย
4. ตั้งค่าระบบป้องกันให้ทำงานทันทีที่เริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้
5. อัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ให้อัพดททุกครั้งที่ออนไลน์ เพราะผู้ผลิตไวรัสซึ่งจะมีไวรัสสายพันธ์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน
6. ห้ามใช้ Handy drive ร่วมกัน เพื่อป้องกันการใช้ที่สับสน ถ้าไม่จำเป็นอย่าให้ใครยืม Handy drive
7. สแกน Handy drive ทุกครั้งก่อนใช้งาน เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องกระทำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากต้องใช้ Handy drive เป็นพาหนะในการนำข้อมูลจากพีซีเครื่องหนึ่งมาใส่ในอีกเคร่องหนึ่ง
8. หากไม่แน่ใจว่าไฟล์แนบท้ายปลอดภัยหรือเปล่า ควรลบทิ้งไปเลย ยิ่งมาจากแหล่งที่ไม่คุ้นเคยก็อย่าดาวน์โหลดโดยเด็ดขาด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://blog.ssk.ac.th

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน(School Based Management)

เป็นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาจากส่วนกลาง ให้โรงเรียนมีอำนาจ มีอิสระและคล่องตัวที่จะตัดสินใจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียน ทั้ง 4 ด้าน คือ

  • ด้านวิชาการ
  • ด้านงบประมาณ
  • ด้านบุคลากร
  • ด้านการบริหารทั่วไป

โดยมีคณะกรรมการโรงเรียน ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน ตัวแทนครู ตัวแทนนักเรียน ตัวแทนผู้ปกครองและชุมชน ร่วมกันบริหารโรงเรียนให้สอดคล้องและเป็นไปตามความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนมากที่สุด

หลักการการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน

  1. กระจายอำนาจ
  2. บริหารตนเอง
  3. บริหารแบบมีส่วนร่วม
  4. บริหารโดยมีภาวะผู้นำแบบเกื้อหนุน
  5. พัฒนาระบบ
  6. บริหารโปร่งใสตรวจสอบได้

การบริหารงานโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
เพื่อบรรลุผลสำเร็จ ด้วยหลักธรรมาภิบาล(Good Governance)

1. หลักนิติธรรม

2. หลักคุณธรรม

3. หลักความรับผิดชอบ

4. หลักความโปร่งใส

5. หลักการมีส่วนร่วม

6. หลักความคุ้มค่า

การนำ SBM ไปสู่การปฏิบัติ

  • สร้างความตระหนักในการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน
  • พัฒนาบุคลากร ให้ความรู้แก่ครู และผู้เกี่ยวข้อง
  • ร่วมกันวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย ผลผลิตทางการศึกษา ผลสัมฤทธิ์และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
  • การดำเนินงาน โดยยึดหลักการบริหารวงจร PDCA

การร่วมกันวางแผน(Plan)

การร่วมกันปฏิบัติตามแผน(Do)

การร่วมกันตรวจสอบ(Check)

การร่วมกันปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง(Action)

วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่(Mobile Unit)

โครงการยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5
หน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่(Mobile Unit) เป็นลักษณะของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนที่มีลักษณะเป็นชุดคอมพิวเตอร์ และติดตั้งในระบบ LAN ในยานพาหนะหรือสถานที่ติดตั้งพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการเคลื่อนที่หรือหมุนเวียนไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ติดตั้งประจำรถ จำนวน 13 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ สามารถจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนได้ครั้งละ 20 คน และมีครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ ประจำรถ จำนวน 1 คน สำหรับชุดคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งในโรงเรียนเป็นศูนย์คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ติดตั้ง จำนวน 11 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์สามารถจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน ได้ครั้งละ 20 คน และมีครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ ประจำศูนย์ จำนวน 1 คน



การบริการหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่(Mobile Unit)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 มีภารกิจหลักที่สำคัญ คือ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เพื่อให้ได้เด็กวัยเรียนทุกคน ได้เรียนอย่างมีคุณภาพและเต็มตามศักยภาพของแต่ละคน แต่ในสภาวะปัจจุบัน มีสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 จำนวน 229 โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน ตั้งแต่ 120 คนลงมา จำนวน 107 โรงเรียน กระจายอยู่ใน 6 อำเภอ คือ อำเภอด่านขุนทด,อำเภอโนนไทย,อำเภอขามทะเลสอ,อำเภอขามสะแกแสง,อำเภอพระทองคำ และอำเภอเทพารักษ์

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 ให้ความสำคัญในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก ตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะปรับปรุงและพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก

จากการดำเนินการจัดการษึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก มีปัญหาต่างๆหลายประการ เช่น การขาดแคลนงบประมาณ,ขาดแคลนครู,ขาดแคลนวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ,ช่องทางการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เครือข่ายอินเตอร์เน็ทไม่ทั่วถึง จากสภาพปัญหาต่างๆ เหล่านี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 จึงจัดการบริการหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่(Moblie Unit) เพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน ของโรงเรียนขนาดเล็ก ทุกโรงเรียน แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้หน่วยคอมพิวเตอร์ เช่น

1. โรงเรียนที่เสนอขอใช้ต้องมีหม้อแปลงไฟฟ้า ขนาดเพียงพอ
2. ต้องมีครูประจำสำหรับสอนคอมพิวเตอร์
3. Spec. ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่ำ เนื่องจากเป็นลิขสิทธิ์ ทำให้ชำรุดง่าย การทำงานช้า
4. เครื่องชำรุด เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่จุดบริการ เป็นต้น
5. โรงเรียนได้รับจัดสรร คอมพิวเตอร์ โครงการฯ

เนื่องจากข้อจำกัดดังกล่าว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 จึงจำเป็นต้องจัดการบริการหน่วยคอมพิวเตอร์เคื่อนที่ โดยให้หน่วยคอมพิวเตอร์ ประจำที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ทั้ง 15 ศูนย์ๆละไม่เกิน 5 วัน หรือในกรณีที่โรงเรียนมีความจำเป็นต้องใช้ก็ให้เสนอขอใช้เป็นคราวๆไป โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 5 จำอำนวยความสะดวกและสนับสนุนค่าวัสดุน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่โรงเรียน


แนวทางการพัฒนารูปแบบหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่

ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
1. ศึกษาและวิเคราะห์สภาพการดำเนินงานการใช้หน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่
2. ติดตั้งจานดาวเทียม สำหรับรับสัญญาณ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ทางไกลและ
Internet ใน Mini Mobile Unit
3. จัดทำแผนการใช้ Mini Mobile Unit ให้ทั่วถึงทุกโรงเรียน
4. นิเทศ ติดตาม การใช้ Mini Mobile Unit


ระดับสถานศึกษา
1. จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้รองรับหน่วยคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่
รูปแบบ Mobile Teacher
2. จัดทำแผนการใช้ Mobile Teacher ให้สอดคล้องกับแผนการใช้ของ
สำนักงานเขตพื้นที่
3. รายงานปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งข้อเสนอแนะในการใช้หน่วยคอมพิวเตอร์
เคลื่อนที่